THE BUDDHA WEARS PRADA
“The Buddha wears Prada” (2025) is an art project that reimagines the intersection of religion and materialism through the lens of fashion by using discarded monk robes collected from temples. The artist transforms these sacred yet wasted materials into desirable contemporary art pieces by incorporating them with luxury fashion brand aesthetics and logos. Creating a dialogue about the shifting perception of value and status symbols in contemporary society. In Thailand, Buddhism and materialism coexist paradoxically while Buddhist teachings advocate detachment from material desires, fashion remains a powerful status symbol. It challenges the idea of what gives an object its value and reflects how societal contexts can reshape the perception of sacredness. Beyond religious discourse, this project critiques modern consumer culture and its contradictions with Buddhist philosophy. It opens a space for contemplation on faith, materialism, and the evolving nature of value. The project is presented through textile embroidery, silkscreened tapestry, and documented fashion photography.
“THE BUDDHA WEARS PRADA” เป็นศิลปะเชิงแฟชั่นแนวพุทธศิลป์ ที่เกิดจากการนำเศษผ้าจีวร*ที่ไม่ใช้แล้วซึ่งมีจำนวนมากและถูกมองข้ามนำ มาสร้างสรรค์และดัดแปลงโดยการใช้โลโก้แบรนด์แฟชั่นต่างๆที่แสดงออกถึงความหรูหราอย่างแบรนด์ Prada, chanel, Louis Vuitton, Balenciaga, ysl, Gucci, Hermes และ Dior มาปัก logo ของแบรนด์นั้นๆเข้าไป รวมถึงพิมพ์ลาย monogram เข้าไปในผืนผ้าจีวรอีกด้วย โดยทั้งหมดถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับเศษวัสดุที่ถูกมองข้ามอย่างผ้าจีวร เพื่อตั้งคำถามที่ว่า ผ้าจีวรที่ศักดิ์สิทธิ์และถูกมองเห็นว่าเป็นเศษเหลือไม่มีมูลค่า เมื่อนำมาปักสัญลักษณ์ อย่างแฟชั่นโลโก้ที่แสดงออกถึงความหรูหราและฟุ่มเฟือยเข้าไป จะสามารถสร้างมูลค่าและทำให้มีราคามากขึ้นได้หรือเป็นที่ต้องการได้หรือไม่ โดยผลงานทั้งหมดศิลปินพยายามตั้งคำถามในเรื่องวัตถุนิยมที่ตรงข้ามกับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าในเชิงพระพุทธศาสนา ว่าเราสามารถเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีและในขณะเดียวกันก็เป็นสาวกในระบบวงจรของอุตสาหกรรมแฟชั่นในฐานะผู้บริโภคที่ดีในโลกทุนนิยมได้หรือหรือไม่อย่างไร โดยผลงานทั้งหมดถูกถ่ายทอดลงบนผืนผ้าใบและถูกบันทึกลงบนภาพถ่ายเชิงแฟชั่นและสารคดี เปิดโอกาสให้ผู้ชมวิพากษ์วิจารณ์และตีความ
*เศษผ้าจีวรที่ถูกนำมาใช้ในผลงานดังกล่าว ตัวศิลปินได้ทำการติดต่อไปยังวัดไทยทั้งในและต่างประเทศเพื่อขออนุญาตและรับนำผ้าจีวรที่ทั้งที่ใช้ไปแล้วและยังไม่ได้ใช้ซึ่งมีอยู่เหลือใช้มากมายเกินความจำเป็นมาสร้างสรรค์ผลงาน
In collaboration with
Photographer
@zickyf.le
Starring
@ladyboil
@trisssssstris
@boss_napachr
@songsasawat
Stylist
@eyejong
@pplearn
Hair and Makeup Artist
@nt_.pn
@mungkud_
Crew Assistant
@bcos_of_boss
@thatwasboat
